Thursday, September 8, 2022

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตแล้ว พระชนมพรรษา 96 พรรษา

 ปรับปรุงแล้ว เมื่อ 19 นาทีที่ผ่านมา

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตแล้ว พระชนมพรรษา 96 พรรษา

ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

คำบรรยายภาพ,

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตแล้ว พระชนมพรรษา 96 พรรษา

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กษัตริย์ผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักรเสด็จสวรรคตแล้ว ที่ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ ขณะมีพระชนมพรรษา 96 พรรษา หลังจากทรงครองราชย์มา 70 ปี

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์พระองค์ใหม่ตรัสว่า การสวรรคตของพระราชมารดาผู้เป็นที่รักคือ "ห้วงเวลาแห่งความโทมนัสครั้งยิ่งใหญ่" สำหรับพระองค์ตลอดจนสมาชิกราชวงศ์ และการสูญเสียสมเด็จพระราชินีนาถฯ จะสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้คนทั่วโลก

พระเจ้าชาร์ลส์ ตรัสว่า "เราเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่งต่อการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เทิดทูน และพระราชมารดาผู้เป็นที่รักยิ่ง"

"ข้าพเจ้ารู้ว่าการสูญเสียพระองค์จะสร้างความรู้สึกอย่างลึกซึ้งไปทั่วประเทศ ราชอาณาจักร และรัฐเครือจักรภพ ตลอดจนผู้คนนับไม่ถ้วนทั่วโลก"

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขึ้นครองราชย์ในปี 1952 และทรงเป็นประจักษ์พยานในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากมาย

สมาชิกราชวงศ์ระดับสูงเสด็จฯ ไปยังพระตำหนักที่ประทับในประเทศสกอตแลนด์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย.หลังมีกระแสความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินีนาถฯ

ต่อมา สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตอย่างสงบ ที่ปราสาทบัลมอรัล เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ก.ย.

พระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถฯ เสด็จฯ ไปยังบัลมอรัล หลังจากคณะแพทย์เข้าถวายการดูแลสมเด็จพระราชินีนาถฯ

เจ้าชายวิลเลียมพระราชนัดดา อยู่ที่ปราสาทบัลมอรัลแล้ว เช่นเดียวกับเจ้าชายแฮร์รี ที่เสด็จมาถึงแล้วเช่นกัน

พระเจ้าชาร์ลส์จะเป็นผู้นำประชาชนในชาติถวายความไว้อาลัยต่อการสวรรคตในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร และประมุขของเครือรัฐจักรภพ 14 ชาติ ส่วน คามิลลา พระชายาจะขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินี (Queen Consort) พระองค์ใหม่

"กษัตริย์และราชินีพระองค์ใหม่จะประทับอยู่ที่บัลมอรัลค่ำวันนี้ และจะเสด็จฯ กลับกรุงลอนดอนวันพรุ่งนี้"

การสวรรคตทำให้เจ้าชายวิลเลียม และแคทเธอรีน พระชายา ได้เป็นดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์และคอร์นวอลล์

คำบรรยายวิดีโอ,

ลิซ ทรัสส์ กล่าวว่าการสวรรคตของควีนเป็นเรื่องน่าตกใจครั้งใหญ่สำหรับสหราชอาณาจักรและทั่วโลก (คลิปภาษาอังกฤษ)

นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถฯ เมื่อ 6 ก.ย. กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นหลักที่สร้างชาติอังกฤษยุคใหม่ ทรงเป็น "ผู้ให้ความมั่นคงและความแข็งแกร่งที่พวกเราต้องการ"

นอกจากนี้ นางทรัสส์ได้กล่าวถึงกษัตริย์พระองค์ใหม่ว่า "พวกเราขอถวายความจงรักภักดี และการอุทิศตน ดังเช่นที่พระราชมารดาของพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อผู้คนมากมายมาอย่างยาวนาน"

"เมื่อรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นสุดลง พวกเราจะก้าวเข้าสู่รัชสมัยใหม่แห่งประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของประเทศที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ดังที่สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงปรารถนาไว้ ด้วยการกล่าวคำว่า 'ขอให้พระเจ้าจงคุ้มครองพระราชาเถิด'"

รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ครอบคลุมห้วงเวลาที่ยาวนานตั้งแต่ยุคที่ประเทศต้องรัดเข็มขัดหลังสงครามโลก การเปลี่ยนผ่านจากจักรวรรดิอังกฤษสู่เครือจักรภพ การสิ้นสุดของสงครามเย็น และการที่สหราชอาณาจักรเข้าร่วมและถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

ตลอดการครองราชย์ของพระองค์มีนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 15 คน ตั้งแต่ วินสตัน เชอร์ชิล ซึ่งเกิดปี 1874 มาจนถึงนางทรัสส์ ที่เกิดในปี 1975 หรือ 101 ปีให้หลัง โดยพระองค์ทรงให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าเพื่อถวายรายงานประจำสัปดาห์ตลอดรัชสมัย

ที่พระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอน ประชาชนที่รอฟังข่าวพระอาการของสมเด็จพระราชินีนาถฯ พากันร่ำไห้เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคต มีการลดธงชาติสหราชอาณาจักรที่โบกสะบัดเหนือพระราชวังลงครึ่งเสาเมื่อเวลา 18:30 น.ตามเวลาท้องถิ่น และมีการติดประกาศเรื่องการสวรรคตที่รั้วพระราชวัง

Members of royal household staff post a notice on the gates of the Buckingham Palace announcing the death of Queen Elizabeth II

ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประสูติเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 1926 ในย่านเมย์แฟร์ กรุงลอนดอน ทรงมีพระนามว่า เจ้าหญิงเอลิซาเบธ อเล็กซานดรา แมรี วินด์เซอร์

เมื่อแรกประสูติไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า เจ้าหญิงน้อยพระองค์นี้จะได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถในวันข้างหน้า ด้วยทรงเป็นพระธิดาพระองค์โตในเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุคแห่งยอร์ก รัชทายาทลำดับที่สอง และเลดี้ เอลิซาเบธ โบวส์-ไลออน ดัชเชสแห่งยอร์ก โดยมีพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นพระอัยกา

เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระอัยกาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธเสด็จสวรรคตในปี 1936 องค์มกุฎราชกุมารเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แต่เพียงไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากนั้น กษัตริย์พระองค์ใหม่ได้ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติเพื่อทรงสมรสกับนางวอลลิส ซิมป์สัน แม่ม่ายชาวอเมริกัน ทำให้พระบิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธต้องเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างกะทันหัน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ผู้ทรงเป็นพระบิดา เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ซึ่งขณะนั้นพระชนมายุ 10 ชันษาได้ทรงเขียนบันทึกความทรงจำต่อพระราชพิธีในครั้งนั้นไว้ว่า "ช่างแสนวิเศษเหลือเกิน"

The Duke and Duchess of York with their eldest baby daughter Princess Elizabeth at her christening

ที่มาของภาพ,PA

เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จขึ้นครองราชย์ สถานการณ์ทั่วยุโรปในขณะนั้นคุกรุ่นไปด้วยความขัดแย้งตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะปะทุเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยทั้งพระบิดาและพระมารดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างแข็งขัน เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นในสถาบันกษัตริย์อังกฤษหลังการสละราชสมบัติของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 กลับคืนมา

ในปี 1939 เจ้าหญิงเอลิซาเบธซึ่งมีพระชนมายุ 13 ชันษา ได้ตามเสด็จพระบิดาและพระมารดาเยือนวิทยาลัยราชนาวีที่เมืองดาร์ตมัธ โดยมีนักเรียนนายเรือผู้หนึ่งเป็นผู้นำเสด็จขณะทอดพระเนตรบริเวณวิทยาลัยโดยรอบ แม้เจ้าหญิงเอลิซาเบธจะทรงเคยพบปะกับเขามาก่อนบ้างแล้วในฐานะพระญาติ แต่ในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทรงสนพระทัยในตัวของนักเรียนนายเรือผู้นี้อย่างแท้จริง เขาคือเจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซ พระราชสวามีในอนาคต ทั้งสองพระองค์ได้มีโอกาสติดต่อกันทางจดหมายและสานสัมพันธ์กันเรื่อยมานับแต่นั้น

สงครามโลกครั้งที่สองทำให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงได้สัมผัสกับชีวิตนอกรั้ววังและความยากลำบากของพลเมืองสหราชอาณาจักรในช่วงสงคราม โดยทรงอาสาเข้าร่วมกับหน่วยรับใช้ดินแดนพิเศษ (ATS) เรียนรู้การขับรถและการเป็นช่างยนต์ โดยต้องทรงทำหน้าที่เป็นช่างซ่อมบำรุงรถบรรทุกด้วย

ทรงรำลึกถึงวันสิ้นสุดสงครามในสมรภูมิยุโรปว่า "ผู้คนจำนวนมากมาร่วมกันฉลองที่หน้าวังบักกิงแฮม ข้าพเจ้ากับน้องสาวขอพ่อแม่ออกไปดูด้วยตาตนเอง และก็ได้ไปอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ามากมายที่คล้องแขนกันเป็นแถวเดินไปตามท้องถนน ตอนแรกเรากลัวว่าจะมีคนจำได้ แต่ท้ายที่สุดเราก็ถูกกลืนหายไปกับกระแสของฝูงชนที่พากันปิติยินดีและโล่งใจที่สงครามสงบ"

ในช่วงหลังสงคราม เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงพบกับอุปสรรคในเรื่องที่มีพระประสงค์จะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิปอย่างมาก โดยหลายฝ่ายคัดค้านว่าเจ้าชายฟิลิปนั้นเป็นชาวต่างชาติ รวมทั้งมีพระอุปนิสัยโผงผางไม่เหมาะสมกับราชสำนัก แต่ในที่สุดพระเจ้าจอร์จที่หกทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสได้ โดยพระราชพิธีมีขึ้นที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อ 20 พ.ย. 1947

ในเวลาต่อมา สมเด็จพระราชินีนาถฯ ได้ตรัสถึงพระราชสวามีว่าเป็นดั่ง "ขุมพลังแข็งแกร่งที่ช่วยให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้" ตลอดระยะเวลา 74 ปีที่ทรงครองคู่กัน ก่อนที่เจ้าชายฟิลิปจะสิ้นพระชนม์ในปี 2021 ขณะมีพระชนมายุ 99 พรรษา

To mark their Diamond Wedding Anniversary on 20 November 2007, the Queen and Prince Philip re-visit Broadlands where 60 years ago in November 1947 they spent their wedding night

ที่มาของภาพ,TIM GRAHAM/PA

หลังการอภิเษกสมรส เจ้าหญิงเอลิซาเบธและพระสวามีซึ่งได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นดยุคแห่งเอดินบะระ ยังคงมีโอกาสได้ใช้ชีวิตครอบครัวเยี่ยงสามัญชนทั่วไปอยู่ระยะหนึ่ง โดยพระโอรสคือเจ้าชายชาร์ลส์ (พระยศในขณะนั้น) ประสูติเมื่อปี 1948 ตามมาด้วยเจ้าหญิงแอนน์ซึ่งประสูติในปีถัดมา

ในขณะเดียวกัน พระพลานามัยของพระเจ้าจอร์จที่หกกำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประชวรด้วยพระโรคมะเร็งในพระปับผาสะ (ปอด) ทำให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธในฐานะองค์รัชทายาทลำดับแรกต้องทรงออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์อย่างเต็มที่ ส่วนดยุคแห่งเอดินบะระต้องทรงลาออกจากการรับราชการทหารเรือ เพื่อร่วมเคียงข้างพระชายาในการแบกรับพระราชภารกิจดังกล่าวด้วย

ระหว่างการเสด็จเยือนประเทศในเครือจักรภพเมื่อปี 1952 ข่าวร้ายได้มาถึงอย่างกะทันหัน ขณะที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธและพระสวามีประทับอยู่ที่ประเทศเคนยา โดยเจ้าหน้าที่นำความกราบทูลว่า บัดนี้พระเจ้าจอร์จที่หกได้เสด็จสวรรคตและพระองค์คือสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรแล้ว

"ข้าพเจ้าไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวมาก่อนเลย เสด็จพ่อจากไปขณะที่ยังทรงมีพระชนมายุไม่มากนัก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องกะทันหันชนิดที่ว่า ต้องเข้ารับหน้าที่และทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทันที" สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองตรัสย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 1953 โดยมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก แม้เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะคัดค้านก็ตาม โดยมีผู้รับชมการถ่ายทอดพระราชพิธีดังกล่าวจำนวนหลายล้านคน

ในขณะนั้น พลเมืองสหราชอาณาจักรยังคงต้องเผชิญกับความยากลำบากและภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองหลังสงคราม แต่การขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์ใหม่นั้น เปรียบได้กับแสงสว่างยามรุ่งอรุณ ซึ่งเป็นความหวังแก่พวกเขาว่า ยุคแห่งความรุ่งเรืองเช่นเดียวกับรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่หนึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนอาจกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

The Queen on the balcony of Buckingham Palace with three generations of her family

ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

คำบรรยายภาพ,

ควีนเสด็จออกสีหบัญชร ในพิธีฉลองครองราชย์ครบ 70 ปี

ตลอดพระชนมชีพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มีความสำคัญซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรและของโลกหลายครั้ง

หลังจากนี้สมาชิกราชวงศ์จะเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ และจะยกเลิกการปฏิบัติกรณียกิจต่าง ๆ ขณะที่มีการลดธงลงครึ่งเสาตามพระราชวังและพระตำหนักของราชวงศ์ทุกแห่ง รวมถึงอาคารและสำนักงานของรัฐบาล ฐานทัพทั้งในและต่างประเทศ

A car with Prince Andrew and Prince Edward in it

ที่มาของภาพ,PA MEDIA

คำบรรยายภาพ,

เจ้าชายวิลเลียมทรงขับรถมากับเจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดมายังปราสาทบัลมอรัล

Prince Harry in a car

ที่มาของภาพ,PA MEDIA

คำบรรยายภาพ,

เจ้าชายแฮร์รีทรงตามมาสมทบในเวลาต่อมา

หลังจากข่าวการสวรรคตแพร่ออกไป ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวระลึกถึงการที่สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงยืนหยัดเคียงข้างสหรัฐฯ ใน "ห้วงเวลาแห่งความมืดมนที่สุด" ของชาติหลังจากเหตุวินาศกรรม 9/11

ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็น "ราชินีผู้เมตตา" และทรงเป็น "สหายของฝรั่งเศส"

ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา กล่าวว่า สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวแคนาดาเสมอมา และทรงเป็น "หนึ่งในบุคคลที่เขาชื่นชอบมากที่สุดในโลก"