back to being young again
Wednesday, December 8, 2021
Wednesday, December 1, 2021
สมุนไพร 7 ชนิด สรรพคุณบำรุงปอด สร้างเกราะป้องกันให้ปอดแข็งแรง

ในช่วงที่ปอดของคนเราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แย่ในทุกวัน บวกกับต้องเผชิญกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดูเหมือนสถานการณ์ยิ่งแย่ลง การดูแลปอดให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ช่วยบำรุงปอดก็คือการกินสมุนไพรที่มีส่วนในการสร้างเกราะป้องกันให้ปอดแข็งแรง มาดูกันดีกว่าว่ามีสมุนไพรชนิดใดบ้าง
1.กระเทียม
กระเทียมมีฤทธิ์ในการต้านอักเสบ มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาปอด ป้องกันปอดพิการ รักษาวัณโรค ช่วยบำบัดโรคในอก แก้ไข้ แก้หวัดคัดจมูก ขับเสมหะ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากๆ โดยเฉพาะสารอัลลิซิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเกือบทุกชนิด
2.พริก
พริกจัดเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส หลอดลมอักเสบ หรือต้องการขับเสมหะออกจากปอด เนื่องจากความเผ็ดร้อนของพริกช่วยกำจัดสิ่งกีดขวางในระบบทางเดินหายใจได้
3.ชะเอมเทศ
ชะเอมเทศเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยาแก้ไอแผนโบราณ มีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด ขับเสมหะ แก้คอแห้ง แก้ไอ แก้น้ำลายเหนียว แก้อาการอ่อนเพลีย บรรเทาอาการปวดท้อง มีฤทธิ์กล่อมประสาท และให้รสชาติหวานชุ่มคอ
4.ขิง
ขิงเป็นสมุนไพรที่ไม่เพียงแต่ช่วยต้านการอักเสบในร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังส่งผลดีต่อระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งยังช่วยขับเสมหะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีเสมหะบ่อยๆ ได้เป็นอย่างดี
5.ขมิ้นชัน
ขมิ้นชันมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่าเคอร์คิวมิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังเป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ รักษาอาการหืด ไอ และลดการอักเสบในปอดได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญขมิ้นชันยังช่วยปรับภูมิคุ้มกันไม่ให้ทำลายปอดจนเกิดความเสียหายในกลุ่มผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
6.มะขามป้อม
มะขามป้อมเป็นสมุนไพรที่ส่งผลดีต่อปอดไม่แพ้สมุนไพรชนิดอื่นๆ เลย เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้ช่วยแก้อาการหวัด แก้ไอ ช่วยละลายเสมหะ บรรเทาอาการหอบหืด รักษาโรคหลอดลมอักเสบ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินซี และยังมีสารกลุ่มแทนนินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย
7.ใบหม่อน
ใบหม่อนมีสรรพคุณช่วยแก้อาการไข้หวัด แก้ไอ ขับลมร้อนที่ปอดและตับ ช่วยระบายน้ำที่คั่งในปอด บรรเทาอาการหอบหืด ลดอาการแน่นหน้าอก ลดอาการบวม บรรเทาอาการเลือดกำเดาไหล และบรรเทาอาการขากเป็นเลือดได้
นอกจากสมุนไพรทั้ง 7 ชนิดที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ยังมีสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกปีบ ใบหูเสือ รางจืด หนุมานประสานกาย หรือหญ้าดอกขาวก็ตาม ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอดและลดอาการอักเสบของปอดได้ดีทั้งสิ้น
https://www.sanook.com/women/
Ad. ฮอร์โมนเพศชายเสริมสำหรับผู้ชายวัยทำงาน วัยทอง ทอม ทรานส์แมน www.smartboyshopping.com
Testos Nanomed Testos Nanomed ฮอร์โมนชายเสริมสำหรับวัยทำงานวัยทอง
Testos Nanomed Testos Nanomed ฮอร์โมนชายเสริมสำหรับวัยทำงานวัยทอง
ขนาดบรรจุ 3x10 capsule
ราคากล่องละ 500 บาท
โปรโมชั่น 3 กล่อง บริการจัดส่งฟรีครับ
ใช้ทดแทนเทสโทสเตอโรนในผู้ชายวัยทำงานวัยทอง
ถ้าทักแล้วพี่ตอบช้า แอดไลน์แอดอันนี้ได้เลยน๊า --> @aki4995y
หรือกดลิ้งค์เพิ่มเพื่อนตรงนี้ก็ได้นะคับ https://lin.ee/aO7fTxB
กดติดตาม Promotion และส่วนลด หรือส่งฟรี ทางนี้ได้เลยคับ
http://www.smartboyshopping.com
http://smartboyshopping.lnwshop.com
https://smartboyshopping.blogspot.com/
Friday, October 29, 2021
แฟชั่นผู้ชายตัวเล็ก กับความเท่ชุดใหญ่ในสไตล์ของตัวเอง
เชื่อว่าผู้ชายตัวเล็กทุกคน ต้องเคยอิจฉาผู้ชายที่มีรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนแน่นอน เพราะไม่ว่าพวกเขาจะหยิบเสื้อผ้าอะไรมาใส่ ก็ออกมาดูดีไปหมด ต่างกับคนรูปร่างเล็กอย่างสิ้นเชิงจะใส่อะไรก็ดูหลวมดูใหญ่ไม่เข้ากันสักอย่าง ทำเอาหนุ่ม ๆ ไซส์มินิหลายคนถึงกับตัดใจเลือกแต่งตัวกันไปเลยก็มี
แต่ถึงอย่างนั้นอยากจะบอกผู้ชายรูปร่างเล็กทุกคนว่าอย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะหนุ่มไซส์มินิก็สามารถแต่งตัวให้ดูเท่ในแบบของตัวเองได้เช่นกัน เหมือนกับเหล่าดาราชายและนักร้องคนดังหลาย ๆ คน ที่ไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ก็มีสไตล์การแต่งตัวที่เท่ไม่แพ้ใคร พูดไปก็กลัวไม่เห็นภาพ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวม 9 แฟชั่นคนดังชายตัวเล็ก มาให้หนุ่ม ๆ ไซส์มินิทุกคนได้ดูกัน บอกเลยว่าความเท่เต็มสิบคะแนนทุกคน จะรอช้าอยู่ทำไมไปดูแฟชั่นของพวกเขากันเลยครับ…
นักร้องเสียงนุ่มที่ตัวเล็กมาก ๆ แต่สไตล์การแต่งตัวของเขาถือว่าเท่ไม่เบา กลบความตัวเล็กได้มิดเลย




2. บี พีระพัฒน์
คำว่า "ตัวเล็ก" ไม่ได้เป็นอุปสรรคในเรื่องการแต่งตัวของนักร้องหนุ่มบี พีระพัฒน์ เลย แม้จะตัวเล็กแต่แต่งตัวได้เฟี้ยวมาก ๆ




3. เจมส์ ธีรดนย์
ยิ่งนับวันยิ่งดูเท่ขึ้นเรื่อย ๆ เลย สำหรับนักแสดงหนุ่มตัวเล็กเด็กแนวเจมส์ ธีรดนย์ แมตช์ชุดแฟชั่นแต่ละที สาว ๆ กรี๊ดตามกันเป็นแถวเลย




4. ริท เรืองฤทธิ์
ไซส์มินิแล้วยังไง ก็หล่อบาดใจได้เหมือนกัน ไม่เชื่อมาดูสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มริท ได้เลย บอกได้คำเดียวว่าหล่อมาก




5. ดีเจเบสท์ ณัฐสิทธิ์
สำหรับดีเจหนุ่มขวัญใจเด็กแนว เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ก็แต่งตัวได้จ๊าบไม่แพ้กัน ตัวเล็กก็ดูดีได้ขอแค่มีความมั่นใจก็พอ




ใครชอบแต่งตัวแนวอินดี้ ก็ดูสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มแหลม นักร้องไซส์เล็กเสียงสูงปี๊ดคนนี้ได้เลย มาดแมนแถมอินดี้สุด ๆ




7. กันต์ ชุณหวัตร
แม้รูปร่างไม่สูงใหญ่ แต่เรื่องความเท่หนุ่มกันต์ ไม่แพ้ใครแน่นอน ใส่สไตล์เนียบ ๆ ก็ดูได้ สไตล์เซอร์ ๆ ก็ดูดี




8. กัน อรรถพันธ์
นักแสดงหนุ่มสุดหล่อ กัน อรรถพันธ์ ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า หนุ่มไซส์มินิก็แต่งตัวเท่ ๆ ดูอินเทรนด์ได้เหมือนกัน




9. นะ Polycat
ใครว่าคนตัวเล็กจะแต่งตัวแนววินเทจไม่ได้ แสดงว่าไม่เคยเห็นหนุ่มนะ Polycat แต่งตัวแน่นอน เป็นหนุ่มไซส์เล็กที่แต่งตัวแนววินเทจได้จ๊าบมาก ๆ เลิกเอาคำว่าตัวเล็กมาเป็นข้ออ้างได้เลย




เป็นอย่างไรกันบ้างกับแฟชั่นการแต่งตัวของเหล่าดาราชายตัวเล็ก ดูเท่ทุกคนเลยใช่ไหมครับ บอกแล้วแค่เลือกชุดดี ๆ แล้วพกความมั่นใจมากด้วย แค่นี้ก็ดูดีได้แล้ว ยังไงก็อย่าลืมนำไปดูเป็นไอเดียไว้แต่งตัวกันได้นะครับ จะได้ดูเท่เหมือนซุปตาร์เหล่านี้กัน
ภาพจาก : Instagram tom_reckless, bepeerapat, jamyjamess, bestnk, lham25hours, gunnjunhavat, gun_atthaphan, ritz_rueangritz, napolycat
Saturday, October 23, 2021
ฮอร์โมนกับการเล่นกล้าม โดย โทมัส อินคลีดอน
ฮอร์โมนกับการเล่นกล้าม |
โดย โทมัส อินคลีดอน |
คุณอาจจะเคยท้อแท้ เพราะอุตส่าห์ทุ่มเทบริหารร่างกายมาเป็นเวลานาน แต่ร่างกายก็ไม่พัฒนาไปได้มากอย่างที่หวัง สาเหตุหนึ่ง อาจเป็นเพราะฮอร์โมนอนาโบริคในร่างกายคุณทำงานผิดปกติ ,ฮอร์โมนอนาบอริก คืออะไร? มันคือสารเคมีลึกลับที่ผลิตโดยร่างกายของเรา ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารไปยังเลือดและเซลล์กล้ามเนื้อต่างๆ ดังนั้นหากคุณศึกษาจนรู้ว่ามันทำงานอย่างไร และอะไรที่กระตุ้นมันให้ทำงานดีขึ้น เมื่อนั้นแหละ คุณจะสามารถฝึกเพื่อกระตุ้นฮอร์โมนอนาบอริกได้อย่างถูกต้อง นั่นหมายถึงการเพิ่มมัดกล้ามและการลดไขมันพร้อมๆกันด้วย มาดูพื้นฐานโครงสร้างทางเคมีกันก่อน เมื่อมองภาพกว้างๆแล้ว เราสามารถแบ่งสารเคมีตัวนี้ (ฮอร์โมนอนาบอริก) ได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ 1.สเตอรอยด์ ฮอร์โมน 2.โพลีเป๊ปไทด์ ฮอร์โมน สเตอรอยด์ฮอร์โมน ถูกผลิตจากต่อมอะดรีนัล (อยู่ใต้ตับ) และจากลูกอัณฑะด้วย (ส่วนผู้หญิงจะผลิตด้วยรังไข่) วิธีผลิตคือ เอาคอเลสเทอรอลที่หมุนเวียนอยู่ในกระแสเลือดมาสังเคราะห์ ตัวอย่างของสเตอรอยด์ฮอร์โมน ก็คือเทสทอสเตอโรน ,เอสโตรเจน และคอติซอล ส่วนฮอร์โมนที่เหลือทั้งหมด (ที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ฮอร์โมน) เราเรียกว่า โพลีเป๊ปไทด์ ฮอร์โมน อันได้แก่ อินซูลิน ,โกรทธ์ ฮอร์โมน (growth hormone - GH) ,และ อินซูลินเสมือนโกรทฮอร์โมน (IGF-1 (Insulinlike growth factor-1)) ฮอร์โมนทำหน้าที่ดูแลความสมดุลและเสถียรภาพของปฏิกิริยาเคมีชีวะในร่างกาย มันคอยปรับการเกิดปฏิกิริยาเคมีชีวะในเซลล์ให้เป็นไปด้วยความสมดุล ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณบริหารร่างกายอย่างหนัก เซลล์กล้ามเนื้อจะฉีกขาด (เซลล์นะครับ ไม่ใช่ตัวกล้ามเนื้อฉีกขาด - webmaster) ฮอร์โมนจะรักษาสมดุลโดยการซ่อมแซมเซลล์ที่ฉีกขาดเหล่านั้น และสร้างเซลล์โปรตีนกล้ามเนื้อขึ้นใหม่ด้วย (repair and rebuild your muscle protein) ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือการสร้างมัดกล้าม หรือสร้างความแข็งแกร่ง หรือเพื่อลดไขมัน การเรียนรู้เรื่องฮอร์โมน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น |
อินซูลิน อินซูลิน คือโพลีเป๊ปไทด์ ฮอร์โมน ตัวหนึ่ง ถูกสร้างโดยตับอ่อน เมื่อคุณทานอาหารคาร์โบไฮเดรต ระดับกลูโคสในกระแสเลือดจะเพิ่มขึ้น ตับอ่อนจะปล่อยอินซูลินออกมาเพื่อปรับความสมดุล โดยการผนึกอยู่กับผนังเซลล์ของกลุ่มเซลล์ทั้งหลาย แล้วกระตุ้นการดูดกลูโคสในเซลล์มาใช้งาน ซึ่งปฏิกิริยานี้จะเกิดกับทุกๆเนื้อเยื่อในร่างกายยกเว้นที่สมอง ไม่เพียงแต่กลูโคสเท่านั้น อินซูลินยังกระตุ้นให้เซลล์ดูดไขมัน (synthesis of lipid (fat)) ,โปรตีน และไกลโคเจน (ไกลโคเจนคือคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อและ ตับ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำรอง) ด้วย ดังนั้น อินซูลิน จึงถูกยกว่าเป็น ฮอร์โมนอนาบอริก ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การมีอินซูลินในร่างกายมากเกินไปกลับกลายเป็นเรื่องไม่ดี นั่นคือเมื่อคุณทานอาหารคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป อินซูลินก็จะเพิ่มขึ้นจนมากเกินไปด้วย ทำให้เซลล์ต่างๆลดการตอบสนองต่อปฏิกิริยาจากอินซูลินลง เซลล์ไขมันจึงใหญ่ขึ้น ทำให้คุณอ้วนขึ้น ข่าวดีคือ ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดชี้ว่า สำหรับชายอายุระหว่าง 55 - 60 ปีที่บริหารร่างกายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จะสามารถเพิ่มการเกิดปฏิกิริยาจากอินซูลินได้สูงขึ้น โดยรูปแบบการวิจัย ได้ให้อาสาสมัครบริหารกล้ามเนื้อชิ้นใหญ่ 14 ท่า และในทุกๆเซทจะบริหาร 15 ครั้ง บริหารอย่างนี้เป็นเวลา 16 อาทิตย์ การทำเช่นนี้จะทำลดระดับอินซูลินที่อยู่ในร่างกายลง และทำให้ร่างกายนำน้ำตาลในเลือดออกมาใช้งานได้เพิ่มขึ้น การเพาะกาย ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อินซูลินมาก เพราะหน้าที่ของมันก็เพียงแค่นำกลูโคสไปสู่เซลล์กล้ามเนื้อ ดังนั้นเมื่อคนที่เป็นโรคเบาหวานมาเล่นกล้าม ก็จะมีผลดีตรงที่สามารถปรับปริมาณอินซูลินในร่างกายให้ดีขึ้นได้ |
|
|
ฮอร์โมนและการออกกำลังกาย

ออกกำลังกายไม่เหมาะ ฮอร์โมนไม่สมดุล มีผลต่อร่างกาย
ปัจจุบันการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุก ๆ กลุ่มอายุ ด้วยความเชื่อที่ว่า การออกกำลังกายทำให้สุขภาพดี ชะลอความแก่ และทำให้อายุยืนยาวได้ แต่ความเป็นจริงกลับพบว่าคนบางคนการออกกำลังกายบางอย่างกลับทำให้สุขภาพแย่ลง แก่เร็ว ไม่มีแรง หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ น้ำหนักตัวเพิ่มหรือขึ้น ๆ ลง ๆ บางคนมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและข้อต่อ
สาเหตุเพราะการออกกำลังกายที่ทำอยู่อาจไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง (Improper Exercise) หรือหนักเกินไป (Overtrain) และที่สำคัญคือออกกำลังไม่เหมาะกับระดับฮอร์โมนของตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล (Hormonal Imbalance) ซึ่งปัญหานี้มักพบในผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปีหรือคนที่มีความเครียดหรือทำงานหนัก
ในกลุ่มอายุมากกว่า 35 ปีนั้นเป็นวัยที่ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมอย่างชัดเจนและระบบต่างๆเริ่มแปรปรวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมน พบว่าฮอร์โมนที่สำคัญต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกายเช่น Growth hormone และฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรงอย่าง Testosterone จะมีระดับที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลและกระบวนการเผาผลาญในร่างกายได้แก่ Insulin และ Thyroid Hormone ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน คนวัยนี้จึงยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกวิธีการออกกำลังกายให้มากขึ้น
ส่วนในกลุ่มคนทำงานหนักหรือคนที่มีความเครียดสูงรวมถึงคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง สิ่งที่ต้องระวังคือ ภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้าหรือ Adrenal Fatigue เนื่องจากเมื่อเราเกิดความเครียด ต่อมหมวกไตจะถูกกระตุ้นให้ผลิตฮอร์โมน Cortisol ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อลดการอักเสบและทำให้ระดับของน้ำตาลในร่างกายเกิดความสมดุล แต่เมื่อถูกกระตุ้นต่อเนื่องนาน ๆ เข้าต่อมนี้ก็จะเกิดการอ่อนล้าไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างเพียงพอจนเกิดภาวะฮอร์โมนบกพร่องหรือ Insufficiency
- อ่อนเพลียตอนเช้าหรือตื่นนอนยาก
- ง่วงนอนตอนบ่าย
- หิวขนมหรือของหวานเป็นประจำ
- กระตุ้นร่างกายด้วยกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่น ๆ เช่น ชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง
- น้ำหนักตัวขึ้นหรือลงโดยไม่สัมพันธ์กับการทานอาหารหรือการออกกำลังกาย
- นอนหลับยาก ตื่นง่ายหรือหลับไม่สนิท
- มีอาการอักเสบเรื้อรังตามร่างกาย
- ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
- ป่วยง่าย
นอกจากนี้การออกกำลังกายประเภท Stimulating หรือ Cardio Exercise เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้น ชกมวย มากเกินไป กลับทำให้ร่างกายเกิดความเครียด (Stress ) และกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ทำงานหนักผิดปกติจนเกิดภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้าเช่นกัน การออกกำลังกายดังกล่าวจึงอาจยิ่งทำให้ร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติแทนที่จะก่อประโยชน์กลับก่อผลเสียแทนต้องพิจารณาให้รอบด้าน
ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลจึงควรออกกำลังกายที่มีความหลากหลาย Cross Training มากกว่าที่จะเน้นเฉพาะ Cardio Exercise เพียงอย่างเดียวโดยการออกกำลังกายที่แนะนำคือ
Calming Exercise คือ การออกกำลังการที่เน้นการผ่อนคลายได้แก่ โยคะ พิลาทีส รำมวยจีน การเดินช้า ๆ การยืดเหยียด จะช่วยลดระดับ Cortisol และ Insulin ทำให้ต่อมหมวกไตได้พักและฟื้นตัว
Resistance Exercise คือ การออกกำลังกายที่มีแรงต้าน เช่น การยกเวท การดึงยางยืด Body Weight Training การว่ายน้ำ การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้าง Growth Hormone และ Testosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน
Stimulating Exercise หรือ Cardio ในกลุ่มที่ฮอร์โมนไม่ปกติหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจต้องจำกัดเหลือเพียง 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์
ก่อนออกกำลังกายจึงควรทราบก่อนว่าสภาวะฮอร์โมนของเราเป็นแบบใด เพื่อให้สามารถวางแผนการออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัวและได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายหรือกีฬาที่เรารักอย่างแท้จริง
https://www.bangkokhospital.com/
Ad. ฮอร์โมนเพศชายเสริมสำหรับผู้ชายวัยทำงาน วัยทอง ทอม ทรานส์แมน www.smartboyshopping.com
Friday, October 1, 2021
10 สมูทตี้โปรตีนสูง เพื่อทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี และรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น
เครื่องดื่มโบนัสที่เต็มไปด้วยรสชาติ และไม่ใช้น้ำตาล

สมูทตี้เป็นทางเลือกและวิธีที่ดี ในเวลาที่เราต้องการความหวาน อาหาร หรือขนมที่บรรจุสารอาหาร แต่ไม่ทำลายสุขภาพ มันให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทั้ง โปรตีน ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ผักและผลไม้ ทั้งหมดนี้อยู่ในแพ็คเกจที่สะดวก และทำเองได้ง่ายๆ
“สมูทตี้ทำเพื่อความสะดวกสบายในการพกพา และง่ายต่อการรับประทานในแต่ละมื้อ (ทดแทนสแน็คได้ดี) ที่สำคัญคือมันไม่จำเป็นต้องมีทักษะการทำอาหาร” โดยรวมแล้วเครื่องดื่มอาจเป็นวิธีที่มีขนาดกะทัดรัดในการรับสารอาหารที่สำคัญ ที่อาจขาดในอาหารประจำวันของคุณ และให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารอย่างรวดเร็ว ได้ในสิ่งที่จำเป็น เพื่อเพิ่มการตอบสนองและการฟื้นตัวหลังจากออกกำลังกาย
แต่เครื่องดื่มจากร้านสมูทตี้ มักมีแคลอรี่สูง และน้ำตาลมากกว่าที่คุณคาดคิด อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำสมูทตี้เพื่อสุขภาพ ได้โปรตีนเสริมด้วยตัวคุณเอง ถ้าคุณเลือกวิธี DIY แน่นอนว่าคุณยังต้องการดูส่วนผสมที่สำคัญ และปริมาณที่จำกัดของน้ำตาลที่ต้องการเติมจากสารให้ความหวาน อย่างเช่น น้ำผึ้ง

แล้วคุณจะสร้างสมูทตี้ที่มีโปรตีนสูงได้อย่างไร? เริ่มต้นด้วยการใช้ผลไม้ประมาณหนึ่งถ้วยต่อหนึ่งสมูทตี้ มันง่ายที่จะได้น้ำผลไม้ที่สดใหม่ เมื่อคุณโยนส่วนผสมต่างๆลงในเครื่องปั่น นอกจากนี้คุณยังจำเป็นต้องวัดการให้บริการไขมันสูง เช่น ถั่ว เนย หรืออะโวคาโด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้คุณบริโภคพลังงานโดยรวมได้มากขึ้น
การเพิ่มผักใบเขียวจำนวนหนึ่ง เช่น ผักคะน้า หรือผักโขมเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ และปริมาณใยอาหาร แถมยังเป็นโบนัสให้กับเครื่องดื่มของคุณเพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น

ถ้าทำอย่างถูกต้องสมูทตี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับวันของคุณ และความเป็นไปได้ของรสชาติไม่มีที่สิ้นสุด ลองส่วนผสมหนึ่งใน 20 โปรตีนที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่อัดแน่นด้วยไฟเบอร์ เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยและทานง่ายขึ้น สำหรับแต่ละสูตรเราวางส่วนผสมตามลำดับที่ระบุไว้เอาไปลองใช้กันได้เลยจ้า
VERY BERRY SUPER SHAKE
500 แคลอรี่ | โปรตีน 57 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 54 กรัม | ไฟเบอร์ 14 กรัม | ไขมัน 11 กรัม
“สูตรนี้เต็มไปด้วยโปรตีน เส้นใย ไขมันสุขภาพ สารอาหารไฟโต และโปรไบโอติก ซึ่งสามารถใช้ทานเป็นอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็นก็ได้”
ไบรอันเซนต์ปิแอร์, MS, RD, CSCS, นักโภชนาการด้านกีฬาและโค้ชโภชนาการที่ Precision Nutrition กล่าว

ส่วนผสม
- น้ำ 12 ออนซ์
- ผักโขม 1 ถ้วย
- ผลเบอร์รี่ผสม (แช่แข็ง) 2 ถ้วย
- โยเกิร์ตไขมันต่ำ (รสธรรมดา) 1/2 ถ้วย
- ผงโปรตีนวานิลลา 2 ช้อน
- วอลนัท 1 ช้อนโต๊ะ
- ground flaxseed (เมล็ดแฟลกซ์) 1 ช้อนโต๊ะ

2. APPLE AND GREAT GRAINS SHAKE
535 แคลอรี่ | โปรตีน 58 กรัม | ไขมัน 13 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 46 กรัม | ไฟเบอร์ 9 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)

ส่วนผสม
- น้ำ นม หรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- โปรตีนรสวานิลลา 2 ช้อนโต๊ะ
- แอปเปิ้ล 1 ผล (เอาออกแกนแล้วหั่นเป็นชิ้น)
- ผักโขม 1 ถ้วย
- อัลมอนด์ 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวโอ๊ตดิบ ¼ ถ้วย
- น้ำแข็งตามต้องการ
- Cinnamon

3.CHOCOLATE, PEANUT BUTTER, AND BANANA SHAKE
585 แคลอรี่ | โปรตีน 59 กรัม | ไขมัน 22 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 38 กรัม | ไฟเบอร์ 8 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนม หรือโยเกิร์ต)
รสชาติของผักขมที่ซ่อนอยู่ในนี้ถุกกลบด้วยความอร่อยของช็อคโกแลต และเนยถั่วลิสง

ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- ผงโปรตีนรสช็อคโกแลต 2 ช้อนโต๊ะ
- กล้วย 1 ลูก
- ผักโขม 1 ถ้วย
- เนยถั่วธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงโกโก้เข้ม 1 ช้อนโต๊ะ

4. STRAWBERRY BANANA SHAKE
490 แคลอรี่ | โปรตีน 55 กรัม | ไขมัน 9 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 47 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 11 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)
การเพิ่ม ground flax ลงในโปรตีนเชคคลาสสิกนี้ จะช่วยให้คุณมีไฟเบอร์ และไขมัน โอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- วานิลลาหรือผงโปรตีนรสสตรอเบอร์รี่ 2 ช้อนชา
- กล้วย 1 ลูก
- สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง 1 ถ้วย
- ผักโขม 1 ถ้วย
- ground flax 2 ช้อนโต๊ะ

5. CHOCOLATE CHERRY AWESOMENESS SHAKE
530 แคลอรี่ | โปรตีน 56 กรัม | ไขมัน 13 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 47 กรัม | ไฟเบอร์ 9 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)
ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- ผงโปรตีนรสช็อคโกแลต 2 ช้อน
- เชอร์รี่หวาน 2 ถ้วย (เอาเมล็ดออก)
- ผักโขม 1 ถ้วย
- วอลนัท 1 ช้อนโต๊ะ
- ground flax 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงโกโก้เข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ

6. VANILLA PUMPKIN PIE SHAKE
535 แคลอรี่ | โปรตีน 60 กรัม | ไขมัน 13 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 45 กรัม | ไฟเบอร์ 13 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)

ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- ผงโปรตีนรสวานิลลา 2 ช้อน
- ฟักทองหั่น ¾ ถ้วย
- วอลนัท 1 ช้อนโต๊ะ
- ground flax 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวโอ๊ตดิบ ½ ถ้วย
- สารสกัดจากอบเชย และวานิลลา เพื่อตกแต่งและเพิ่มรสชาติ
- น้ำแข็งตามต้องการ

7. BAKED APPLE SHAKE
510 แคลอรี่ | โปรตีน 57 กรัม | ไขมัน 15 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 36 กรัม | ไฟเบอร์ 10 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)
เมล็ดงาในการสูตรนี้เพิ่มรสชาติที่ไม่คาดคิด รวมทั้งช่วยแมกนีเซียม และซีลีเนียม
ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- ผงโปรตีนรสวานิลลา 2 ช้อน
- แอปเปิ้ล 1 ผล (เอาแกนออกแล้วหั่นเป็นชิ้น)
- ผักโขม 1 ถ้วย
- อัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ
- ground flax 1 ช้อนโต๊ะ
- งา 1 ช้อนโต๊ะ
- อบเชย
- น้ำแข็งตามต้องการ

8. TROPICAL POWER SHAKE
525 แคลอรี่ | โปรตีน 58 กรัม | ไขมัน 12 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 46 กรัม | ไฟเบอร์ 8.5 กรัม (ใช้น้ำเป็นของเหลวแทนนมหรือโยเกิร์ต)
สูตรนี้รสชาติเหมือนกับ Pina colada แต่มีโปรตีน 58 กรัมเลยทีเดียว

ส่วนผสม
- น้ำนมหรือโยเกิร์ต 12 ออนซ์
- ผงโปรตีนรสวานิลลา 2 ช้อน
- กล้วย ½ ผล
- สับปะรด 1 ถ้วย
- ผักโขม 1 ถ้วย
- ground flax 1 ช้อนโต๊ะ
- coconut flakes (ที่ไม่หวาน) 2 ช้อนโต๊ะ
- โยเกิร์ตธรรมดา หรือวีแก้นคัพ ½ ถ้วย

9. SUPERFOOD SHAKE
329 แคลอรี่ | โปรตีน 28 กรัม | ไขมัน 4 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 52 กรัม | เส้นใย 11 กรัม
สารอาหารในผัก และผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่นหัวบีทและเชอร์รี่ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการกีฬา และช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
Amy Culp, RD นักโภชนาการอาหาร จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสของออสติน กล่าว

ส่วนผสม
- เชอร์รี่แช่แข็ง 1/2 ถ้วย
- น้ำ 8 ออนซ์
- หัวบีทสับ 1/2 ถ้วย
- สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง 1/2 ถ้วยตวง
- บลูเบอร์รี่แช่แข็ง 1/2 ถ้วยตวง
- กล้วย 1/2 ผล
- เวย์โปรตีนช็อคโกแลต 1 ช้อน
- เมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนโต๊ะ

10. DR. MIKE’S POWER SHAKE
389 แคลอรี่ | โปรตีน 33 กรัม | ไขมัน 17 กรัม | คาร์โบไฮเดรต 34 กรัม
การปั่นสูตรนี้ ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ Mike Roussell แนะนำส่วนผสมของบลูเบอร์รี่ที่มีประโยชน์ และคุณจะยังได้รับโอเมก้า 3 ไขมันที่ดีสำหรับสมองของคุณและบำรุงหัวใจจากวอลนัทและแฟลกซ์
ส่วนผสม
- low fat cottage cheese ¼ ถ้วย
- บลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย (สดหรือแช่แข็ง)
- ผงโปรตีนวานิลลา 1 ช้อน
- flaxseed 2 ช้อนโต๊ะ
- วอลนัท 2 ช้อนโต๊ะสับ
- น้ำ 1 ½ ถ้วย
- น้ำแข็ง
